กาลาเทีย 2 [THSV11]

อัครทูตอื่นๆ รับรองเปาโล 
1 สิบสี่ปีต่อมา ข้าพเจ้ากับบารนาบัสได้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มอีก และพาทิตัสไปด้วย
2 ข้าพเจ้าขึ้นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้เล่าข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศแก่คนต่างชาติให้พวกเขาฟัง (แต่ได้เล่าให้คนสำคัญบางคนฟังเป็นส่วนตัว) เกรงว่าข้าพเจ้าอาจจะวิ่งแข่งหรือวิ่งอย่างไร้ประโยชน์
3 ถึงแม้ทิตัสซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าจะเป็นคนกรีก เขาก็ไม่ได้ถูกบังคับให้เข้าสุหนัต
4 แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่ามีพี่น้องจอมปลอมลอบเข้ามาสอดแนมดูเสรีภาพซึ่งเรามีในพระเยซูคริสต์ พวกเขาหวังจะทำให้เราเป็นทาส
5 แต่เราไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้กับพวกเขาแม้ชั่วประเดี๋ยวเดียว เพื่อให้ความจริงของข่าวประเสริฐนั้นดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายต่อไป
6 และจากคนสำคัญบางคนที่ยังอยู่ (เขาจะเคยเป็นอะไรมาก่อน ก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับข้าพเจ้าเลย พระเจ้าไม่ทรงเห็นแก่หน้าใคร) คนสำคัญเหล่านั้นไม่ได้เพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้แก่ข้าพเจ้าเลย
7 แต่ตรงข้าม เมื่อเขาทั้งหลายเห็นว่า ข้าพเจ้าได้รับมอบให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนเหล่านั้นที่ไม่ได้เข้าสุหนัต เช่นเดียวกับเปโตรได้รับมอบให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนที่ได้เข้าสุหนัต
8 (เพราะว่าพระองค์ผู้ได้ทรงทำกิจในเปโตรให้เป็นอัครทูตไปยังพวกที่เข้าสุหนัต ก็ได้ทรงทำกิจในข้าพเจ้าให้ไปยังคนต่างชาติเหมือนกัน)
9 เมื่อยากอบกับเคฟาสและยอห์น ผู้ที่เขานับถือว่าเป็นเสาหลัก เห็นพระคุณซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วก็ได้จับมือขวาของข้าพเจ้ากับบารนาบัส แสดงว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เพื่อให้เราไปหาคนต่างชาติ และท่านเหล่านั้นจะไปหาพวกที่เข้าสุหนัต
10 ท่านเหล่านั้นขอแต่เพียงให้เรานึกถึงคนจน ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าทำอย่างกระตือรือร้นอยู่แล้ว 
เปาโลต่อว่าเปโตรที่เมืองอันทิโอก 
11 แต่เมื่อเคฟาสมาถึงเมืองอันทิโอกแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้คัดค้านท่านซึ่งๆ หน้า เพราะว่าท่านทำผิดแน่
12 เพราะว่าก่อนที่คนของยากอบมาถึงนั้น ท่านได้กินอาหารร่วมกับคนต่างชาติ แต่พอคนพวกนั้นมาถึง ท่านก็ปลีกตัวออกไปอยู่เสียต่างหากเพราะกลัวพวกเข้าสุหนัต
13 และพวกยิวคนอื่นๆ ก็ได้แสร้งทำตามท่าน แม้แต่บารนาบัสก็หลงแสร้งทำตามคนเหล่านั้นไปด้วย
14 แต่เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่า พวกเขาไม่ได้ประพฤติตรงตามความจริงของข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าจึงกล่าวกับเคฟาสต่อหน้าคนทุกคนว่า “ถ้าท่านเองซึ่งเป็นพวกยิวประพฤติตามอย่างคนต่างชาติ ไม่ใช่ตามอย่างพวกยิว ทำไมท่านจึงบังคับคนต่างชาติให้ประพฤติตามอย่างพวกยิวเล่า?” 
พวกยิวก็เช่นเดียวกับคนต่างชาติคือรอดโดยความเชื่อ 
15 เราผู้เป็นยิวโดยกำเนิด ไม่ใช่คนบาปที่มาจากคนต่างชาติ
16 ยังรู้ว่าไม่มีใครถูกชำระให้ชอบธรรมได้ โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เท่านั้น เราเองก็ได้เชื่อในพระเยซูคริสต์ เพื่อจะถูกนับว่าชอบธรรมโดยความเชื่อในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์คนใดจะถูกนับว่าชอบธรรมได้เลย
17 แต่ถ้าในขณะที่เรากำลังขวนขวายจะถูกชำระให้ชอบธรรมโดยพระคริสต์นั้น กลับถูกพบว่าเป็นคนบาปไปด้วย พระคริสต์จะทรงเป็นผู้ส่งเสริมบาปหรือ? ไม่ใช่อย่างแน่นอน
18 เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าก่อสิ่งซึ่งข้าพเจ้าได้รื้อทำลายลงแล้วขึ้นมาอีก ข้าพเจ้าก็แสดงตัวว่าข้าพเจ้าเองเป็นคนละเมิดธรรมบัญญัติ
19 เพราะโดยธรรมบัญญัตินั้น ข้าพเจ้าได้ตายต่อธรรมบัญญัติแล้ว เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า ข้าพเจ้าถูกตรึงร่วมกับพระคริสต์แล้ว
20 ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า
21 ข้าพเจ้าไม่ได้ทำให้พระคุณของพระเจ้าเป็นโมฆะ เพราะว่าถ้าความชอบธรรมเกิดจากธรรมบัญญัติแล้ว พระคริสต์ก็สิ้นพระชนม์โดยเปล่าประโยชน์

 

  1. พยานของเรามีพลัง (กท.1:11-2:14)

วว.12:11

พวกเขาชนะมารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก
และด้วยคำพยานของพวกเขาเอง
และพวกเขาไม่ได้รักตัวกลัวตาย

  1. รอดโดยพระคุณ (กท.2:15-19)

กท.2:16

ยังรู้ว่าไม่มีใครถูกชำระให้ชอบธรรมได้ โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เท่านั้น เราเองก็ได้เชื่อในพระเยซูคริสต์ เพื่อจะถูกนับว่าชอบธรรมโดยความเชื่อในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์คนใดจะถูกนับว่าชอบธรรมได้เลย

รม.3:20

เพราะว่าในสายพระเนตรของพระเจ้า ไม่มีใครถูกชำระให้ชอบธรรมได้ โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าธรรมบัญญัตินั้นทำให้เรารู้จักบาป 

  1. เราดำเนินชีวิตโดยพระวิญญาณของพระเยซู (กท.2:20-21)